Closed Circuit Television A television system intended for only a limited number of

viewers , as opposed to broadcast TV. Product Review CNB and TELCA

ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV เหมาะสำหรับงานรักษาความปลอดภัย ที่ใช้ตรวจการณ์

เฝ้าระวังภัย หรือสอดส่องดูแล ด้วยการจับดูภาพในตำแหน่งที่ต้องการ และบันทึกภาพเก็บไว้เพื่อ

ดูเหตุการณ์ต่างๆู ในระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ประกอบด้วย ส่วนรับภาพ กับ ส่วนจัดการภาพ

และส่วนของสื่อนำสัญญาณ ส่วนสำคัญของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด นอกจากมาตรฐานการ

ผลิต และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตของอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดแล้ว การติดตั้งที่มีมาตรฐานก็

จะเป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าท่านเลือกซื้อตัวกล้องและเครื่องบันทึกภาพที่ดีแล้ว แต่

การติดตั้งไม่ดี เช่น ใช้สายนำสัญญาณภาพที่คุณภาพต่ำใช้สายไฟที่จะไปจ่ายไฟเลี้ยงตัวกล้อง

ไม่ถูกขนาด วางแผนการจ่ายไฟฟ้าเลี้ยงตัวกล้องไม่ดี ติดตั้งเดินท่อร้อยสายสัญญาณไม่ถูกหลัก

กับมีการตัดต่อเชื่อมสายต่างๆ ภายในบล็อก และ เลือกใช้สายนำสัญญาณภาพที่มีสเปคระยะทาง

การติดตั้งไกลสุด ของ สายจากตัวกล้องไปถึงเครื่องบันทึกภาพ ไม่เพียงพอกับระยะทางที่แท้จริง

เพราะสายแต่ละชนิดจะมีระยะทางการเดินไกลมากสุดกำหนดไว้อยู่ ซึ่งปัญหาการติดตั้งที่ไม่ดีไม่

มีคุณภาพเหล่านี้ จะเป็นปัญหาที่สำคัญมากที่สุดทั้งในระยะสั้น และทั้งในระยะยาวของการใช้งาน

ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

ชุดอุปกรณ์ต่างๆของ ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

1.ส่วนรับภาพ (ตัวกล้อง) จะมีประเภทและคุณสมบัติให้เลือกใช้ดังนี้

1.1 ตัวกล้องสี แบบมาตรฐาน (Standard Color Camera)
จะเป็นตัวกล้องที่สามารถถอดเลนส์เปลี่ยนได้ ส่วนใหญ่จะขายตัวกล้อง แบบไม่รวมเลนส์ เพราะจะได้ให้
ลูกค้าเลือกใช้เลนส์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ๆต้องการจับดูภาพ และตัวกล้องที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบันจะเป็น
กล้องสีเกือบทั้งหมด สามารถติดตั้งตัวกล้องแบบนี้ได้ทั้งภายในอาคารสถานที่ และภายนอกอาคารสถาน
ที่แต่ต้องใส่ กล่องหุ้มกล้อง (Housing) ถ้าใช้ในพื้นที่ๆมีฝุ่น หรือโดนฝนสาดได้ แต่ตัวกล้องประเภทนี้
จะต้องมีแสงสว่างช่วยในการจับภาพตลอดเวลา หากบริเวณนั้นไม่มีแสงส่วงเลย กล้อง ก็จะจับภาพไม่ได้

1.2 ตัวกล้องสี แบบอินฟาเรด (Weather Proof IR Camera)
จะเป็นกล้องสีแบบมีดวงไฟอินฟราเรด ประกอบรวมกันอยู่ใน ตัวกล้อง สามารถจับภาพได้ทั้งในเวลาที่มี
แสงสว่างปกติ หรือไม่มีแสงสว่างเลยแบบมืดสนิท โดยดวงไฟ IR LED จะทำงานก็ต่อเมื่อ Sensor ที่
ตัวกล้อง พบว่าแสงสว่างตรงบริเวณนั้นๆมีไม่เพียงพอในการจับภาพก็จะไปสั่งให้ดวงไฟ IR LED ทำงาน
ช่วยเพิ่มความสว่างแสงให้กับตัวกล้องทันที แต่ภาพที่ได้จะกลับกลายเป็นภาพขาว-ดำแทนภาพสีของใน
เวลาที่มีแสงสว่างปกติ ตัวกล้องชนิดนี้ส่วนใหญ่จะขายมาพร้อมกับเลนส์แบบ Fixed Lens คือ ตัวเลนส์
จะไม่สามารถปรับหมุนมุมให้กว้าง หรือให้แคบได้ แต่ก็มีบางยี่ห้อที่ขาย ตัวกล้องอินฟราเรด มาให้พร้อม
กับเลนส์แบบ Vari-Focal Auto Iris Lens ซึ่งจะสามารถปรับหมุนมุมให้กว้าง และแคบได้ อีกทั้งยัง
ปรับแสงในการจับภาพย้อนแสงได้ อีกทั้งตัวกล้องยังสามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้อีกด้วย อีกหนึ่ง ข้อดี
ของตัวกล้องแบบอินฟราเรดนี้ก็คือ ตัวกล้องจะออกแบบมาเพื่อกันฝนสาด โดยมีหมวกให้บังแดด บังฝน
ทำให้ไม่ต้องใส่กล่องหุ้มกล้องหากติดตั้งภายนอกอาคารสถานที่ หรือ จะใส่กล่องหุ้มกล้องก็ได้

1.3 ตัวกล้องสี แบบทรงโดม (Fixed Dome Color Camera)
จะเป็นกล้องที่ติดตั้งหลบสายตาผู้คนได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เห็น ตัวกล้อง เด่นชัดเกินไป
ตัวกล้องมีรูปทรงแบบโดม เมื่อติดตั้งแล้วจะดูกลมกลืนกับฝ้าเพดานในห้องโถง หรือห้องอื่นภายในอาคาร
สถานที่ หรือติดตั้งในลิฟท์ทั่วๆไป ตัวกล้องส่วนใหญ่จะขายพร้อมเลนส์ แบบจับภาพในมุมกว้าง และมอง
ภาพได้ในระยะที่ไม่ไกลมาก สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในอาคาร และภายนอกอาคารที่มีที่บังฝนสาดโดน
แต่ตัวกล้องแบบโดม ประเภทนี้จะต้องมีแสงสว่างช่วยในการจับภาพตลอดเวลา หากบริเวณที่ติดตั้ง ไม่มี
แสงส่วงเลย กล้องแบบโดม นี้ก็จะจับภาพไม่ได้

1.4 ตัวกล้องสีอินฟราเรด แบบทรงโดม (Fixed IR Dome Color Camera)
จะเป็นกล้องที่ติดตั้งหลบสายตาผู้คนได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เห็น ตัวกล้อง เด่นชัดเกินไป
และเป็นกล้องสีแบบมีดวงไฟอินฟราเรด ประกอบรวมกันอยู่ในตัวกล้อง สามารถจับภาพได้ทั้งในเวลาที่มี
แสงสว่างปกติ หรือ ไม่มีแสงสว่างเลยแบบมืดสนิท โดยดวงไฟ IR LED จะทำงานก็ต่อเมื่อ Sensor ที่
ตัวกล้อง พบว่าแสงสว่างตรงบริเวณนั้นๆมีไม่เพียงพอในการจับภาพ ก็จะไปสั่งให้ดวงไฟ IR LED ทำงาน
ช่วยเพิ่มความสว่างแสงให้กับตัวกล้องทันที แต่ภาพที่ได้จะกลับกลายเป็นภาพขาว-ดำแทนภาพสี ของใน
เวลาที่มีแสงสว่างปกติ ตัวกล้องชนิดนี้ส่วนใหญ่จะขายมาพร้อมกับ เลนส์แบบ Fixed Lens คือ ตัวเลนส์
จะจับภาพแบบมุมกว้าง และมองภาพได้ในระยะที่ไม่ไกลมาก สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในอาคาร และภาย
นอกอาคารที่มีที่บังฝนสาดโดน

1.5 ตัวกล้องซูม แบบมาตรฐาน (Fixed Zoom Color Camera)
จะเป็นกล้องแบบรวมเลนส์ซูมไว้ภายในตัวกล้อง เรื่องการซูมกี่เท่าตัว และระยะการจับภาพขึ้นอยู่กับขนาด
ของ เลนส์ ที่ใช้ในตัวกล้อง เป็นกล้องที่ต้องมีแสงสว่างช่วยในการจับภาพตลอดเวลา เมื่อนำกล้องนี้ไปต่อ
กับเครื่องบันทึกภาพ จะสามารถเรียกซูมดูภาพใกล้และไกลได้ โดยจะใช้ระบบซูมจากตัวเครื่องบันทึกภาพ
หรือ จะซื้อคีย์บอร์ดคอนโทรลเลอร์ (PTZ Controller Keyboard) ที่ใช้ควบคุมเฉพาะมาใช้ก็ได้ หรือ
หากต้องการติดตั้งให้ตัวกล้องหมุนจับภาพได้ ก็ต้องไปซื้ออุปกรณ์ฐานมอเตอร์หมุนได้ (Pan-Tilt) มาต่อ
กับตัวกล้อง แต่ต้องใส่ กล่องหุ้มกล้อง (Housing) ด้วยหากติดตั้งภายนอกอาคารสถานที่

1.6 ตัวกล้อง แบบสปีดโดม (PTZ Speed Dome Canera)
จะเป็นกล้องที่สามารถซูมจับภาพและหมุนแพนได้ 360 องศา การซูมภาพและจับภาพได้แบบกี่เท่าตัว ก็
ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละตัวกล้อง และ ขนาดของเลนส์กล้องเป็นหลัก ตัวกล้องประเภทนี้ส่วนใหญ่ จะทำ
เป็นรูปแบบทรงโดมขนาดใหญ่ หรือเล็กแล้วแต่รุ่นของกล้อง โดยตัวกล้องตัวเดียว จะรวมทั้งเลนส์แบบซูม
และมอเตอร์หมุนแพนตัวกล้องไว้ในกล้องทั้งหมด สามารถที่จะใช้ระบบซูมดูภาพจาก ตัวเครื่องบันทึกภาพ
หรือ จะซื้อคีย์บอร์ดคอนโทรลเลอร์ (PTZ Controller Keyboard) ที่ใช้ควบคุมเฉพาะมาใช้ก็ได้ ข้อดี
ของกล้องสปีดโดมก็ คือ สามารถควบคุมการจับภาพ และดึงซูมดูภาพได้ตามจุดต่างๆที่ต้องการ แล้วก็ยัง
ดูได้ทั่วทุกๆบริเวณพื้นที่ๆติดตั้ง ตัวกล้องสปีดโดม ชนิดนี้เพียงตัวเดียว จะมีทั้งแบบติดตั้งไว้ภายในสถานที่
และแบบติดตั้งไว้ภายนอกสถานที่ให้เลือกใช้ แต่ข้อเสียก็คือ ตัวกล้องสปีดโดม นี้จะมีราคาแพงกว่ากล้อง
ธรรมดาทั่วไปหลายสิบเท่าตัว ไม่ว่ากล้องชนิดนี้จะะเป็น เกรดจีน หรือเกรดระดับสูงๆ

1.7 ตัวกล้องแบบไร้สาย (Wireless IP Camera หรือ IP Camera)
จะเป็นตัวกล้องที่มีการนำเอา เทคโนโลยี่ Wireless Lan Audio มาใช้ในตัวกล้อง ทำให้ไม่ต้อง ติดตั้ง
เดินสายนำสัญาณภาพจากตัวกล้องไปต่อเข้าเครื่องบันทึกภาพให้ยุ่งยาก เพราะตัวกล้องจะทำงานได้แบบ
ไร้สาย และไม่ต้องต่อเข้าเครื่องบันทึกภาพในการบันทึกภาพ เพราะมีซอฟแวร์ให้ใช้งานบนระบบเครือข่าย
โดยสามารถตั้งค่าการควบคุมภาพและดูภาพจากตัวกล้องผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือ ดูผ่านที่มือถือที่รองรับ
ระบบ 3G ได้ แต่กรณีที่ต้องติดตั้งเดินสายนำสัญญาณจากกล้องไปต่อเข้าเครื่องบันทึกภาพ ก็สามารถทำ
ได้ เพราะที่ตัวกล้องแบบไร้สายนี้จะมีขั้วให้ต่อสายแบบ UTP ด้วย แต่ตัวกล้องชนิดนี้ที่มีจำหน่ายกันอย่าง
แพร่หลายในประเทศไทย ก็ใช้ว่าจะมีความสเถียรในการใช้งานแบบไร้สายเท่าที่ควร แถมมีราคาที่แพงกว่า
กล้องแบบธรรมดาอยู่มาก ไม่รวมพวกตัวกล้องไร้สายเกรด จีน และ ไตหวัน เพราะราคาถูกมากจนน่ากลัว

การเลือกซื้อตัวกล้องแบบต่างๆให้ดูที่คุณสมบัติประกอบดังต่อไปนี้

ชนิดและขนาดของ แผ่นรับภาพ ของตัวกล้อง
ปกติจะมี ขนาด 1/2″, 1/3″ , 1/4″ แบบ CCD Chip และแบบ CMOS ซึ่งขนาด 1/2″ จะให้ภาพใหญ่
กว่าขนาด 1/3″ และขนาด 1/4″ ตามขนาด และ CCD Chip ในปัจจุบันจะมีคุณภาพดีกว่า แบบ CMOS

ความละเอียดของภาพจะเป็นตัวชี้วัดถึงความคมชัดของตัวกล้อง
โดยปกติมีค่าความละเอียดมาตรฐาน Standard Resolution 330-380 TVL และ High-Resolution
480-550 TVL ความละเอียด TV Line ยิ่งมากความคมชัดก็จะมากตามไปด้วย

ความไวแสง (Min. Illumination) หมายถึง
ค่าของแสงสว่างที่จะทำให้ตัวกล้องสามารถทำงานได้และสามารถมองเห็นภาพได้ มีค่าเรียกเป็น Lux ถ้ามีค่า
Lux ยิ่งน้อยมากเท่าไหร่ยิ่งถือว่ากล้องตัวนั้นสามารถมองเห็นในที่มีแสงน้อยๆได้ดี

ระบบกลางวันและกลางคืน (Day & Night System หรือ Day/Night)
คือ ระบบที่จะทำงานได้ทั้งในแบบให้ภาพสี และภาพขาว-ดำ และให้ภาพที่คมชัดขึ้นเมื่อมีแสงน้อย

วงจรชดเชยแสงอัตโนมัติ (Back Light Compensation หรือ BLC on/off)
มีสวิทซ์ให้เลือก on เปิดใช้ off ไม่ใช้ กล้องรุ่นใดมีระบบนี้ก็จะดีในการช่วยชดเชยแสงที่ต่ำ

วงจรชดเชยสัญญาณควบคุมอัตโนมัติ (Auto Gain Control หรือ AGC on/off)
มีสวิทซ์ให้เลือก on เปิดใช้ off ไม่ใช้ กล้องรุ่นใดมีระบบนี้ก็จะดีในการควบคุมสัญญาณ

วงจรปรับชดเชยสีอัตโนมัติ (Auto White Balance หรือ AWB)
ถ้ากล้องรุ่นใดมีระบบนี้จะช่วยในการปรับสีของภาพที่รับภาพได้ดี

ปรับสัญญาณรบกวนภาพดิจิตอลให้ลดลง (Digital Noise Reduction (SDNR))
ส่วนใหญ่ระบบนี้จะมีในตัวกล้องแบบ IP Camera หรือกล้องระดับสูง

ระบบการทดแสง (Flickerless)
มีสวิทซ์ให้เลือก on เปิดใช้ off ไม่ใช้ ส่วนใหญ่ระบบนี้จะมีในตัวกล้องแบบ IP Camera หรือกล้องระดับสูง

ความเร็วการจับภาพแบบอิเล็คทรอนิคส์ (Electronic Shutter Speed)
ส่วนใหญ่ระบบนี้จะมีในตัวกล้องแบบ IP Camera หรือกล้องระดับสูง

กล้องมีข้อต่อเลนส์ (Lens Mount) เป็นแบบใด
ระหว่าง C-Mount หรือ CS-Mount ถ้าเป็นแบบ CS-Mount ต้องใช้เลนส์ที่มีข้อต่อเป็นแบบ
CS-Mount เท่านั้น แต่ข้อต่อแบบ C-Mount สามารถใช้กับเลนส์ข้อต่อแบบ CS-Mount ได้
แต่ถ้ากล้องใดมีข้อต่อเลนส์ทั้งแบบ C-Mount และ CS-Mount จะใช้สเปคว่า C/CS Mount
แสดงว่าใช้เลนส์แบบใดก็ได้

สำหรับเลนส์ของกล้องวงจรปิด จะมีให้เลือกดังนี้

เลนส์ที่มีความยาวโฟกัสคงที่ (Fixed Focal Lens หรือ Fix Lens)
เลนส์แบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเลนส์มาตรฐานที่กล้องบางยี่ห้อจะแถมมาตอนซื้อ เพราะจะคิดราคารวมมาอยู่แล้ว
กับตัวกล้อง โดยเลนส์ขนาดมาตรฐานนี้ราคาจะเท่ากันหรืออาจต่างกันไม่มาก ดังนั้นเมื่อติดตั้งกล้องแล้วขณะที่
ปรับมุม ผู้ให้บริการอาจสามารถเลือกเลนส์เปลี่ยนเพื่อให้ได้ภาพตรงความต้องการของลูกค้าได้ ส่วนเลนส์แบบ
นี้จะไม่สามารถปรับมุมกว้าง-แคบ ของภาพ และ ม่านแสงได้ (Mono Fixed Lens Iris) เหมาะสำหรับพื้นที่
ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงของแสงเลย

เลนส์ที่สามารถปรับความยาวโฟกัสได้ (Vari-Focal Lens)
เลนส์ประเภทนี้ จะมีทั้งแบบที่ใช้ปรับเองด้วยมือ (Manual Iris) หรือปรับแบบอัตโนมัติ (Auto Iris) โดยจะ
ต้องต่อไฟเลี้ยงตัวเลนส์จากตัวกล้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบไฟดีซี (DC Iris) และ เลนส์ประเถทนี้จะสามารถจะ
ปรับแสงอัตโนมัติได้ (Iris Lens) สำหรับเลนส์แบบนี้จะใช้ในพื้นที่ๆมีการเปลี่ยนแปลงของแสงตลอดเวลา

เลนส์ที่สามารถปรับโฟกัสและซูมได้ (Zoom Lens)
ซึ่งก็จะมีทั้ง แบบที่ใช้ปรับซูมเองได้ด้วยมือ (Manual Zoom Iris Lens) หรือ แบบปรับซูมเองแบบอัตโนมัติ
(Auto Zoom Iris Lens) ส่วนระยะการซูมก็อยู่ที่โฟกัสของเลนส์ที่เลือกใช้ และเลนส์ซูมนี้ส่วนใหญ่จะใส่กับ
ตัวกล้องที่ติดตั้งภายนอกอาคาร (Outdoor) และต้องใส่กล่องหุ้มกล้อง (Housing) ป้องกันฝนสาดโดนด้วย
ซึ่งราคาของเลนส์ซูมนี้ ก็จะสูงขึ้นไปตามความสามารถการซูมที่สูงขึ้นด้วยนั้นเอง

2. ส่วนจัดการภาพ

2.1 เครื่องบันทึกสัญญาณภาพ (Recorder) ปัจจุบันจะนิยมใช้เครื่องบันทึกสัญญาณภาพที่เป็นระบบดิจิตอล
(Digital Video Recorder) เนื่องจากสะดวก และ ประหยัด และ จะมีคุณภาพในการบันทึกดีกว่าระบบเทป
โดยปกติจะมีรุ่นที่มีช่องต่อตัวกล้องได้ในแบบ 4 , 8 , 9 , 12 , 16 , 24 , 32 , 48 , 64 ช่อง ในการต่อ
ใช้งานกล้อง ส่วนระบบ Digital Video Recorder นี้ ก็จะมีทั้งแบบที่เป็น DVR Card กัย Non-PC DVR
และ PC-Based DVR

– Digital Video Recorder แบบ DVR Card หรือ Capture Card
จะติดตั้งลงในเครื่อง PC พื้นฐานทั่วไป สเปค PC ตามแต่ DVR Card กำหนดไว้ และจะมีซอฟแวร์แถมมาให้
พร้อมกับตัวการ์ด ในการใช้งานควบคุมระบบกล้องวงจรปิด แล้วจะมีการ์ดให้เลือกต่อกล้องใช้งานทั้งแบบรุ่น 4
, 8 , 12 , 16 ช่อง ในการต่อตัวกล้องเข้าใช้งาน และ จะบันทึกภาพลงในฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง PC ที่ติดตั้ง
การ์ดนี้เข้าไป ปัจจุบันได้มีการพัฒนาตัวการ์ด และซอฟแวร์ ให้ผู้ซื้อสามารถดูภาพจากกล้อง ผ่านทางอินเตอร์
เน็ตได้ โดยการต่อเชื่อมกับ ISP ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ทั่วๆไป ส่วนสเปคในการแสดงผล
ของภาพจากตัวกล้องที่ฉายออกไป จอมอนิเตอร์ หรือจอทีวี และ คุณสมบัติในการบันทึกภาพลงฮาร์ดดิสก์ กับ
ฟังก์ชั่นการจัดการระบบกล้อง หรือฟังก์ชั่นการใช้งานระบบ ก็แล้วแต่รุ่น และ ยี่ห้อของตัวการ์ด เรื่องการใช้งาน
แบบระบบ DVR Card นี้ ผู้ใช้จะต้องมีความรู้เรื่อง ระบบคอมพิเตอร์ มากพอสมควร หากผู้ใช้มีพื้นฐานเกี่ยวกับ
ระบบคอมพิวเตอร์น้อยก็จะมีปัญหาในการใช้งานได้ และเรื่องความสถียรในการเปิดใช้งานเครื่อง PC ให้บันทึก
ภาพจากกล้องแบบ 24 ชั่วโมง จะสู้พวก DVR แบบ Non-PC และ PC Based ไม่ได้

– Digital Video Recorder แบบ Non-PC หรือ Stand-Alone DVR
จะเป็นเครื่องที่ถูกออกแบบมาให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งานของผู้ใช้ทั่วไป โดยรูปทรงตัวเครื่อง และหน้าจอ
กับปุ่มกดควบคุมต่างๆ จะเหมือนกับพวกเครื่องเล่น Video CD , DVD ทั่วๆไป แล้วก็มีซอฟแวร์สำเร็จรูปแถม
มาให้พร้อมกับตัวเครื่อง ระบบ DVR แบบนี้จะมีช่องระบายอากาศ และพัดลมระบายความร้อนภายในตัวเครื่อง
มีรุ่นต่อกล้องได้แบบ 4 , 8 , 9 , 16 ช่อง ในการต่อตัวกล้องเข้าใช้งาน และมีช่องต่อใส่ฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง
เพื่อบันทึกภาพ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบ และซอฟแวร์ ให้ผู้ซื้อสามารถดูภาพจากตัวกล้องผ่านทางอินเตอร์
เน็ตได้ โดยการต่อเชื่อมกับ ISP ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL ทั่วๆไป ส่วนสเปคในการแสดงผล
ของภาพจากตัวกล้องที่ฉายออกไป จอมอนิเตอร์ หรือจอทีวี และ คุณสมบัติในการบันทึกภาพลงฮาร์ดดิสก์ กับ
ฟังก์ชั่นการจัดการระบบกล้อง หรือฟังก์ชั่นการใช้งานระบบ ก็แล้วแต่รุ่น และยี่ห้อของตัวเครื่อง เรื่องการใช้งาน
แบบระบบ Stand-Alone DVR นี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องระบบคอมพิเตอร์ มากก็ได้ เพราะใช้งานง่าย
และยุ่งเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนเรื่องความสถียรในการเปิดใช้งานตัวเครื่อง เพื่อให้บันทึก
ภาพจากกล้องแบบตลอดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง จะดีกว่าแบบ DVR Card มากๆ

– Digital Video Recorder แบบ PC-BASED DVR
จะเป็นเครื่องที่มีระบบอุปกรณ์เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไป โดยตัวเครื่องจะประกอบสำเร็จมาจากโรงงาน
ของผู้ผลิต และมีช่องระบายอากาศ กับระบบพัดลมระบายความร้อนที่ดี รองรับการทำงานระบบได้แบบต่อเนื่อง
มีรุ่นที่รองรับการต่อกล้องได้ทั้งแบบ 4 , 8 , 16 , 24 , 32 , 48 , 64 ช่อง จะมีซอฟแวร์สำเร็จรูปแถมรวม
มาให้พร้อมกับเครื่อง สามารถเชื่อมต่อระบบ ADSL เพื่อดูภาพจาก ตัวกล้องผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ ส่วนเรื่อง
การใช้งานหากผู้ใช้ไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ใน ระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะมีปัญหามาก ในเรื่องของ ฟังก์ชั่นการ
ดูภาพผ่านมอนิเตอร์ หรือ การโปรแกรมควบคุมระบบ และ การบันทึกภาพ ของ เครื่องแบบนี้จะมีฟังก์ชั่น และ
ระบบบันทึกภาพที่สูงกว่า แบบ DVR Card และ Non-PC DVR แต่ราคาก็จะสูงตาม

การพิจารณาคุณสมบัติของเครื่อง Digital Video Recorder มีดังนี้

– เลือกการรองรับจำนวนกล้อง 4 , 8 , 9 , 12 , 16 , 24 , 32 , 48 , 64 ช่อง ให้เหมาะกับตัวกล้องที่จะ
ต้องการใช้งาน

– ความสามารถในการทำงาน เล่นกลับภาพ และ บันทึกภาพ มี 3 แบบคือ
แบบ Simplex จะทำงานได้อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ขณะที่บันทึกจะเล่นกลับภาพที่บันทึกขณะนั้นไม่ได้จะต้อง
หยุดการบันทึกก่อน ส่วนแบบ Duplex และ แบบ Triplex จะสามารถเล่นภาพกลับจากที่บันทึกไว้ได้ในขณะ
ที่กำลังบันทึกภาพอยู่ ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะทำออกมาแบบ Triplex

– ความสามารถในการแสดงภาพ Display Speed ค่าของ เฟรมเรท ( fps) ยิ่งมากก็จะยิ่งดี โดยระบบที่ดีๆ
ควรจะมีค่าของเฟรมเรทอยู่ที่ 25 เฟรมต่อวินาที (25 fps.) เช่น ถ้าติดตั้ง 4 กล้อง ค่าเฟรมเรทโดยรวมของ
เครื่องบันทึกภาพควรจะเป็น 100 fps. (PAL) หรือ แสดงแบบ Real Time สำหรับกล้องทุกตัว

– ความสามารถในการบันทึกภาพ Recording Speed ดูค่า เฟรมเรท (fps) สูงสุดของการบันทึกภาพ ต่อ
วินาที เท่าไหร่ ค่ายิ่งมากก็จะยิ่งดี เช่น 100 fps. (PAL) , 200 fps. (PAL) หรือ 400 fps. (PAL) ของ
ทุกกล้อง ถ้าเฟรมเรท (fps) ยิ่งสูงราคาก็สูงขึ้นไปด้วย

– ความละเอียดของภาพ (Resolution) แบบ NTSC และ PAL แสดงในรูป 720(H)x576(V), 720(H)x
288(V), 360(H)x288(V) ยิ่งมากยิ่งดี

– รูปแบบของการบีบอัดภาพ (Compression) เช่น Wavelet , M-jpeg , Mpeg-2 , Mpeg4 ฯลฯ
แสดงถึงขนาดของไฟล์ที่บีบอัดยิ่งเล็กยิ่งบันทึกได้นาน แต่ทั้งนี้อาจทำให้คุณภาพของภาพลดลงได้ด้วย ดังนั้น
ข้อนี้ถือว่าผู้ใช้ต้องเลือกเอาระหว่าง ความคมชัดของภาพที่บันทึก หรือ ระยะเวลาของการบันทึกภาพใน HDD

คุณสมบัติฟังก์ชั่นการทำงานประกอบในระบบ เช่น
– รองรับระบบปฎิบัติการ (ROM Embedded O/S for Maximum Reliability)
– แบ่งจอภาพจอภาพกล้องไล่ตามลำดับอัตโนมัติ (Auto sequence screen split)
– มีระบบแสดงผลภาพแบบ PIP / POP monitor
– กำหนดรูปแบบการเล่นภาพ (Play De-Interlace)
– การเรียกดูภาพย้อนกลับ (Playback)
– ฟังก์ชั่นการบันทึกภาพจากกล้อง แบบต่อเนื่อง (Continuous)
– ฟังก์ชั่นการบันทึกภาพจากกล้อง แบบต้องมีการเคลื่อนไหวถึงจะบันทึกภาพ (Motion)
– ฟังก์ชั่นการบันทึกภาพจากกล้อง แบบการแจ้งเตือน (Alarm)
– ฟังก์ชั่นการบันทึกภาพจากกล้อง แบบที่บันทึกเหตุการณ์ (Event Recording)
– ฟังก์ชั่นการซ่อนกล้องแต่ยังกำหนดการบันทึกภาพได้ (Hidden Camera & De-Interlacing)
– สามารถใส่สิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพที่บันทึกได้ (Watermark)
– แผนที่ (EMAP)
– สามารถต่อมอนิเตอร์แสดงภาพทุกกล้องได้ 1 พอร์ต แบบ BNC (Main Monitor Output)
– สามารถต่อมอนิเตอร์แสดงภาพกล้องแบบสลับได้ 1 พอร์ต แบบ BNC (Spot Monitor Output)
– มี 1 ช่องต่อ VGA มอนิเตอร์แสดงภาพ (VGA Output)
– สามารถต่อไมโครโฟเพื่อบันทึกเสียงได้ 4 ช่อง (4 Channel Audio Recording)
– สามารถต่อลำโพงกระจายเสียงแบบ Mono ได้ 1 ช่อง (Audio Output)
– สามารถต่ออุปกรณ์ตรวจจับการบุกรุกได้ 4-16 ตัว แล้วแต่ช่อต่อของเครื่อง (sensor inputs)
– มี 4 พอร์ต สำหรับต่ออุปกรณ์ขับไล่ด้วยเสียง (alarm outputs)
– ระบบตั้งเวลาแจ้งเตือนสูงสุด 10 วินาที ก่อนการบันทึก (Pre alarm Max.10sec. Recording)
– การเชื่อมต่อเป็นระบบเครือข่าย (Network)
– ความเร็วส่งผ่านเครือข่ายสูงสุดถึง 400 เฟรม/วินาที (Max.400fps network transmission speed)
– รองรับการทำงาน Dynamic IP (DHCP) & Dynamic DNS
– ดูภาพจากกล้องผ่านทาง Ethernet RJ-45 ,10/100 Mbps.
– การสำรองข้อมูลระยะไกล (Remote backup and Network)
– มีช่องต่อ USB 2.0 ภายนอกสำหรับสำรองข้อมูล (USB Backup)
– การเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ด้วยพอร์ต RS-232 networking
– รองรับการต่อกล้องแบบแพนทิวซูม ด้วยพอร์ต RS-485 PTZ Camera / Controller
– การเชื่อมต่อคีย์บอร์ดควบคุมกล้องแพนทิว ด้วยพอร์ต RS-232 Controller Keyboard
– รองรับการใช้งานรีโมทควบคุมไร้สาย IR Remote Controller
– รองรับการใช้งานเมาส์ควบคุมไร้สาย IR Mount Controller
– รองรับการต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ลูก แบบ IDE หรือ SATA ที่ความจุสูงถึง 2.5 เทราไบต์ (2,500 กิกะไบต์)
– สามารถต่อฮาร์ทดิสก์เพิ่มภายนอกได้ด้วย USB 2.0 (HDD Extension)
– สามารถต่อเครื่องไรท์ CD/DVDRW ได้ในการสำรองข้อมูลภาพ และไรท์ภาพลงแผ่น
– มีซอฟแวร์ควบคุมการทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Software Client) หรือ (Web Client)
– มีซอฟแวร์ควบคุมทำงานและเรียกดูภาพบนเครือข่าย (Software Server) หรือ (Web Monitoring)

ฮาร์ดดิสก์เฉพาะสำหรับเครื่องบันทึกภาพ (Harddisk For DVR)
จะเป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับงานบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง สามารถรองรับการทำงานการบันทึก
ภาพวีดีโอ ได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทั้งคืน และ ยังกินไฟน้อย ใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ จึงเป็นสาเหตุให้ช่วยลด
ความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างดำเนินการบันทึกภาพวีดีโอ ช่วยยืดอายุการใช้งานมากกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติทั่วไปเป็น
อย่างมาก หน่วยความจำแคช 32 MB ความเร็วรอบ 7,200 RPM ทนต่อแรงสั่นสะเทือน และ รับประกัน 5
ปีเต็ม เป็นแบบ SATA รุ่นใหม่ ที่มีความจุให้เลือกใช้ทั้งแบบ 500 GB. และ 1 TB.

2.2 จอรับภาพ (Monitor)
ส่วนแสดงผลการดูภาพจากกล้อง ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน และ การรองรับของเครื่องบันทึกภาพ
ปัจจุบันสามารถเลือกจอรับภาพต่อได้หลายแบบ เช่น

– CCTV Monitor
จะเป็น มอนิเตอร์ ทีผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานในระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดโดยเฉพาะ และ จะมีความละเอียดใน
การแสดงภาพสูง แบบ High Resolution สำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูง และ จอภาพที่มีอายุ
การใช้งานยาวนาน เหมาะกับการเปิดแสดงผลตลอด 24 ชั่วโมง

– CRT Monitor
สำหรับจอคอมพิวเตอร์แบบ CRT Monitor (ซีอาร์ที มอนิเตอร์) นั้น ย่อมาจาก Cathode Ray Tube
ซึ่งการทำงานของจอประเภทนี้จะทำงานโดย อาศัยหลอดภาพที่สร้างภาพ โดยการยิงลำแสงอิเล็กตรอนไปยัง
ที่ผิวหน้าจอ ที่มีสารพวกสารประกอบของฟอสฟอรัส ฉาบอยู่ที่ผิว ซึ่งจะเกิดภาพขึ้นมาเมื่อสารเหล่านี้ เกิดการ
เรืองแสงขึ้นมา เมื่อมีอิเล็กตรอนมากระทบ ซึ่งในส่วยของจอแบบ Shadow Mask นั้น จะมีการนำโลหะที่มี
รูเล็กๆ มาใช้ในการกำหนดให้แสงอิเล็กตรอนนั้นยิงมาได้ถูกต้อง และ แม่นยำมาก ซึ่งระยะห่างระหว่างรูนี้เรา
เรียกกันว่า Dot Pitch ซึ่งในรูนี้จะมีสารประกอบของฟอสฟอรัสวางเรียงกันอยู่เป็น 3 จุด 3 มุม โดยแต่ละจุด
จะเป็นสีของแม่สีนั้นก็คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งแต่ละจุดนี้เราเรียกว่า Triad ในส่วนของจอแบบ
Trinitron นั้นจะมีการทำงานที่เหมือนกันแต่ต่างกันที่ ไม่ได้ใช้โลหะเป็นรูแต่จะใช้ โลหะที่เป็นเส้นเล็กๆขึงพาด
ไปตามแนวตั้ง เพื่อที่จะให้อิเล็คตรอนนั้นตกกระทบ กับผิวจอที่มีสารประกอบของฟอสฟอรัสได้มากขึ้น
สำหรับจอ Trinitron ในปัจจุบันนี่ได้มีการพัฒนาให้มีความแบนราบมากขึ้นซึ่งจอแบบนี้จะเรียกกันว่า FD
Trinitron (Flat Display Trinitron) ซึ่งมีมากมายในปัจจุบันและจะเข้ามาแทนที่จะแบบเดิมๆ อีกทั้งราคา
ยังถูกลงเป็นอย่างมากด้วย

LCD Monitor
จอคอมพิวเตอร์แบบ LCD Monitor (แอลซีดี มอนิเตอร์) หรือ Liquid Crystal Display การทำงานนั้นจะ
ไม่เหมือนกับจอแบบ CRT Monitor ซีอาร์ที มอนิเตอร์ แม้สักนิดเดียว ซึ่งการแสดงภาพนั้นจะซับซ้อนกว่า
มาก การทำงานนั้นอาศัยหลักของการใช้ความร้อนที่ได้จากขดลวด มาทำการเปลี่ยน และบังคับให้ผลึกเหลว
แสดงสีต่างๆ ออกมาตามที่ต้องการซึ่งการแสดงสีนั้นจะเป็นไปตามที่กำหนด ไว้ตามมาตรฐานของแต่ละบริษัท
จึงทำให้จอแบบ LCD Monitor แอลซีดี มอนิเตอร์ มีขนาดที่บางกว่าจอ CRT Monitor อยู่มาก อีกทั้งยัง
กินไฟน้อยกว่า จึงทำให้ผู้ผลิตนำไปใช้งานกับ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบเคลื่อนที่โน้ตบุ๊ค และเดสโน้ต ซึ่งทำให้
เครื่องมีขนาดที่บางและเล็กสามารถพกพาไปได้สะดวกในส่วนของการใช้งาน กับเครื่องเดสก์ท็อปทั่วไป ก็มีซึ่ง
จอแบบ LCD Monitor นี้จะมีราคาที่แพงกว่าจอทั่วไปอยู่ประมาณ 2 เท่าของ ราคาในปัจจุบัน

TV
โทรทัึศน์ธรรมดา ก็นิยมนำมาใช้ดูภาพในระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเช่นกัน เพราะจะมีราคาถูกกว่ามอนิเตอร์แบบ CCTV Monitor แถมยังใช้ดูรายการ
โทรทัศน์ต่างๆทั่วไฟได้อีกด้วย และเหมาะกับลูกค้าบ้าน หรืออาคารเล็กๆทั่วไป

LCD TV
เป็นโทรทัศน์ธรรมดา แต่มีจอเป็น LCD ซึ่งจะให้ความละเอียดของภาพแบบเป็น
ธรรมชาติ แต่ LCD TV จะมีราคาแพงกว่า TV ธรรมดาทั่วไปมากถ้าเทียบกันที่
นิ้ว ต่อ นิ้ว ของขนาดจอ และส่วนใหญ่จะไม่นิยมนำมาใช้รวมกับการฉายภาพให้
ดูจากระบบกล้องวงจรปิด เพราะราคาสูงเกินไปและยังสู้ CCTV Monitor ที่ทำ
มาสำหรับใช้กับงานระบบกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะไม่ได้ในหลายๆด้าน

3. ส่วนของสื่อนำสัญญาณ

3.1 สายนำสัญญาณภาพ
ปกติระบบ CCTV จะต้องใช้สื่อสายนำสัญญาณภาพเท่านั้น เนื่องจากสายนำสัญญาณ จะมีความเร็วในการ
ส่งสัญญาณที่ดี มีลวดถักหุ้มฉนวนสายยางอีกชั้น (shield) ป้องกันสัญญาณรบกวน สายที่นิยมนำมาใช้เดิน
ติดตั้งในระบบกล้องวงจรปิด คือ สาย RG59 , RG6 , RG11 , UTP, Fiber Optic ฯลฯ การเลือกใช้สาย
แต่ละประเภทก็ต้องขึ้นอยู่กับ ระยะทางในการเิดินสายจากตัวกล้องไปถึงเครื่องบันทึกภาพ ว่าระยะเท่าไหร่จะได้
เลือกใช้สายให้ถูกกับระยะทางโดยดูจากคุณสมบัติระยะทางไกลสุดของสายแต่ละประเภท อีกประการที่สำคัญ
คือ การรองรับการใช้สายของตัวกล้องว่ารองรับสายประเภทใด และไม่ควรใช้สเปคสายที่ต่ำกว่าระยะติดตั้งจริง
ระบบกล้องวงจรปิดแบบเดินสาย จะมีความปลอดภัยสูงมากกว่้า ระบบกล้องวงจปิดแบบไร้สาย (IP CAMERA)
ที่ใช้คลื่นวิทยุ เพราะจะมีโอกาสถูกลักลอบแอบดูดภาพได้โดยง่าย เนื่องจากคลื่นสัญญาณภาพจะแพร่กระจาย
ไปทั่วอยากที่จะป้องกันการลักลอบดักสัญญาณ และมีโอกาสถูกคลื่นสัญญาณรบกวนได้สูง

3.2 หัวข้อต่อ Conector ต่างๆ
อุปกรณ์หัวข้อต่อเสียบเข้าตัวกล้องและเครื่องบันทึกภาพ จะใช้ในการต่อกับปลายสายนำสัญญาณภาพ ทั้ง 2
ข้าง โดยปลายสายช้างหนึ่งจะต่อเข้ากับตัวกล้อง และปลายอีกข้างจะต่อเข้ากับเครื่องบันทึกภาพ หัวข้อต่อที่
นิยมใช้คือ BNC F Type ,F Type ,F Type Coupling ,BNC to RCA Female ,BNC to RCA male
BNC Coupling ,RCA F Type ,BNC Twist เป็นต้น

3.3 อุปกรณ์ Converter ต่างๆ
จะเป็นอุปกรณืที่ช่วยแปลงของสัญญาณสาย เช่น Coaxial to UTP Converter Transmitter/Receiver
หรือ RG6 to UTP Video Media Converter และอุปกรณ์แปลงสัญญาณของภาพ เช่น BOOSTER ,
VDO to VGA , PC To TV

3.4 แหล่งจ่ายไฟและสายไฟสำหรับจ่ายไฟเลี้ยงตัวกล้อง
ส่วนของแหล่งจ่ายไฟจะขึ้นอยู่กับ ตัวกล้อง ว่ารับการจ่ายไฟแบบใด โดยปกติจะมีแบบ 12 VDC , 24 VAC
และ 220 VAC ถ้าตัวกล้องใช้ไฟเลี้ยงแบบ 12 VDC ก็ต้องใช้หม้อแปลงไฟ (Adaptor) ในการแปลงจ่าย
ไฟเลี้ยงตัวกล้อง หรือตู้ควบคุมแปลงไฟรวม ต่อเดินสายไปจ่ายไฟเลี้ยงให้กับตัวกล้อง ถ้าตัวกล้องใช้ไฟแบบ
220 VAC ก็เดินไฟ AC 220 Volt ไปทำปลั๊กต่อได้เลย แต่ปัจจุบันนี้กล้องแบบใช้ไฟ 220 VAC จะมีน้อย

ส่วนสายไฟเลี้ยง
สาย Telephone Cable 2 Core 0.65 mm. หรือสาย THW หรือสาย VAF และสาย VCT เป็นต้น
การเลือกใช้สายไฟในการเดินติดตั้งให้คำนวนดู Load Balance ของสายที่จะเดินไปที่ตัวกล้องแต่ละเส้น
ในระยะทางเดียวกัน ไม่ควรจะเดินสายเมนเดียวจ่ายไฟเลี้ยงให้กล้องทุกๆตัว

4. อุปกรณ์ประกอบอื่นๆ
ในบางครั้งการใช้งานที่เป็นระบบใหญ่ๆ หรือ มีความต้องการที่แตกต่างจากปกติก็จะมีอุปกรณ์เสริมพิเศษ
อื่นๆเพิ่มเติม เช่น

กล่องหุ้มกล้อง (Housing) สำหรับกล้องที่ต้องการป้องกันแดด ป้องกันฝน หรือฝุ่นละอองต่างๆ จะมี 2 แบบ
– กล่องหุ้มกล้องแบบ ธรรมดา จะมีทั้งแบบเปิดฝาข้าง และเปิดฝาด้านหลังกล่องใส่ตัวกล้อง
– กล่องหุ้มกล้องแบบ มีพัดลมระบายความร้อนในกล่อง มีทั้งแบบเปิดฝาข้าง และ เปิดฝาด้านหลังกล่อง
– กล่องหุ้มกล้อง แบบทรงโดม มีฐานรองยึดเพดานกับโคมโดมแยกจากกันเพื่อเปิดใส่ตัวกล้อง

ขายึดตัวกล้อง (Bracket) สำหรับติดยึดตัวกล้อง หรือ ติดยึดกล้องหุ่มกล้อง มีหลากหลายแบบให้เลือก เช่น
แบบขาพลาสติก หรือ แบบขาอลูมิเนียม หรือ แบบขาเหล็ก

ฐานรองหมุนตัวกล้อง (Pan-Tilt) เป็นฐานรองหมุนต่อกับตัวกล้องให้ สามารถควบคุมหมุนจับภาพได้ จะมีทั้ง
แบบติดตั้งภายในสถานที่ และแบบติดตั้งภายนอกสถานที่ และ กล่องเครื่องควบคุมการหมุน (Controller) มีทั้งแบบเป็นกล่อง และแบบเป็นคีย์บอร์ด